การแปลงเพศมี 2 ชนิด คือ จากผู้ชายเป็นผู้หญิง (male to female MTF) และการแปลงเพศจากหญิงเป็นชายเรียกว่า (female to male FTM) ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (MTF)
ผู้ที่ต้องการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงนั้นจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์เบื้องต้น (criteria) ดังนี้
1. ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปและผู้ปกครองอนุญาต
2. จะต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงมาอย่างน้อยหนึ่งปี ทั้งการไว้ผมยาว รวมถึงการแต่งกาย
3. จะต้องกินฮอร์โมนเพศหญิงมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี
4. จะต้องไม่มีโรคทางจิตประสาทใด
5. ลักษณะของการเป็นหญิงนั้น จะต้องเป็นมาตั้งแต่เกิดหรือจำความได้ ไม่ใช่เพิ่งมีความรู้สึกนี้มาไม่นาน
อันนี้เป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานเบื้องต้นในการพิจารณาก่อน หลังจากนั้นเมื่อมีความพร้อมจะต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ที่ละเอียดด้วยการพบจิตแพทย์อย่างน้อย 2 ท่าน เพื่อเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดแปลงเพศขั้นต่อไป
1. Skingraft Technic คือการใช้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศชายและผิวหนังตรงอัณฑะ (Scortum) ช่วยกัน เพื่อทำแคมนอก แคมในและช่องคลอดเทียม ในอดีตใช้เพียงผิวหนังจากปลาย Penis มาทำเป็น Skingraft และทำช่องคลอด มักได้ช่องคลอดที่ไม่ลึกพอ ที่เรียกว่า Penile inversion technic เพื่อเพิ่มความลึกของช่องคลอดให้มากขึ้น จึงมีการพัฒนาโดยเพิ่มผิวหนังบริเวณอัณฑะ (Scortum) มาทำเป็น Skingraft ปัจจุบันยังเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
2. Colonovaginoplasty คือการใช้ลำไส้ใหญ่ เพื่อทำช่องคลอดซึ่งเป็นการผ่าตัดที่เหมาะในคนไข้ซึ่งมีอวัยวะเพศชายที่เล็ก หรือเคยขลิปหนังหุ้มปลายมาก่อน (Cricumcision) หรือเคยตัดลูกอัณฑะ (Orchidectomy) ออกไปก่อนหน้า ทำให้ผิวหนังบริเวณปลายอวัยวะเพศชาย penile skin หรือ หนังหุ้มอัณฑะหดตัวลงไป ทำให้ผิวหนังที่จะนำมาทำช่องคลอดเทียมไม่เพียงพอ สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid colon มาเป็น neovagina ข้อดีคือ ได้ความชุ่มชื้นจากเหยื่อเมือกของลำไส้ซึ่งมีลักษณะคล้ายช่องคลอด มีความยืดหยุ่นสูง โดยมักได้ความยาวค่อนข้างมาก แต่ขึ้นกับความยาวของลำไส้แต่ละบุคคลและสามารถขยายช่องคลอดได้ง่ายกว่าการใช้ผิวหนัง ทั้งนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกหรือในกรณีที่ต้องการแก้ไขในเคสที่ใช้ผิวหนังมาก่อนและ/หรือผิวหนังหดตัวทำให้ช่องคลอดตีบสั้นลง ข้อเสียของการใช้ลำไส้ใหญ่นั้นคือจะต้องผ่าตัดบริเวณหน้าท้องร่วมด้วยโดยจะต้องมีศัลยแพทย์ที่ชำนาญในทางผ่าตัดลำไส้ร่วมด้วย และใช้เวลาผ่าตัดที่มากขึ้น โดยสามารถผ่าตัดแบบเปิดโอเพ่นหรือสามารถใช้กล้องส่องผ่าตัดก็ได้ สองวิธีนี้มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปต้องปรึกษา ศัลยแพทย์ก่อนผ่าตัดว่าควรใช้วิธีใด ทั้งนี้ขึ้นกับความถนัดและเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์แต่ละท่าน ควรปรึกษาศัลยแพทย์ข้อดีข้อเสียก่อนเลือกการผ่าตัดแปลงเพศ
3. PPV (Peritoneal pull through vaginplasty) คือการใช้เยื่อบุช่องท้องมาทำช่องคลอด เป็นการผ่าตัดที่พัฒนามาจากการผ่าตัดทางนรีเวชที่เรียกว่า davydov procedure วิธีการผ่าตัดค่อนข้างซับซ้อนมาก อธิบายโดยสังเขปว่าต้องใช้กล้องส่องเข้าไปในช่องท้องและใช้เยื่อบุช่องท้องด้านล่างบริเวณที่ครอบคลุมกระเพาะปัสสาวะต่อมลูกหมากและลำไส้ส่วนด้านล่าง ยืดส่วนนี้ตัดออกและดึงลงไปในโพรงช่องคลอดเพื่อทำช่องคลอดด้านบน โดยต่อกับผิวหนังที่มาจากด้านล่าง ข้อดีของการผ่าตัดนี้คือจะเพิ่มความลึกมากกว่าการใช้ผิวหนังอย่างเดียวและลักษณะของเยื่อบุช่องท้องจะมีความลื่นเล็กน้อยมีความยืดหยุ่นนิดหน่อยและไม่มีขน แต่ข้อเสียคือจะต้องใช้ผ่าตัดในช่องท้องซึ่งเป็นส่วนเยื่อบุที่ติดกับอวัยวะภายในด้านล่างหลายส่วนต้องใช้ความชำนาญสูงของศัลยแพทย์มีโอกาสบาดเจ็บต่ออวัยวะส่วนอื่นได้ง่ายกว่าการใช้ลำไส้ใหญ่ ข้อเสียอื่นคือระยะยาวอาจจะเกิดไส้เลื่อน (internal herniation) ลงไปในช่องคลอดได้จากช่องเดียวกัน ข้อเสียถัดไปคือระยะยาวยังไม่ทราบผลลัพธ์ที่แน่นอนเนื่องจากเป็นหัตถการที่ทำมาได้ไม่นานและมีโอกาสที่จะหดรั้ง (contracture) สูง และถ้าทำโดยศัลยแพทย์ที่ไม่ชำนาญจะเกิดผลแทรกซ้อนได้ค่อนข้างมากโอกาสทะลุอวัยวะในช่องท้องภายในมีได้ง่าย อย่างไรก็ตามเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในคนซึ่งมีปัญหาของลำไส้ใหญ่ที่ไม่สามารถใช้ได้คนที่มีโรคของลำไส้ใหญ่อยู่ก็สามารถใช้ PPV เป็นทางเลือกได้เช่นกัน แต่ต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่ชำนาญจริง ๆ เท่านั้น
⁃ หลังผ่าตัดประมาณ 3-7 วันศัลยแพทย์จะเปิดแผลและทำความสะอาดแผลแล้วแต่ชนิดของการผ่าตัดแปลงเพศ ถ้าเป็น skin graft จะมีการ off packing ประมาณ 5-7 วันและนำสายปัสสาวะออกประมาณ 7-10 วัน บางกรณีถ้าเกิดมีการบวมมากอาจจะต้องเอาสายปัสสาวะออกหลังจาก 2-3 อาทิตย์ได้ ส่วนการขยายช่องคลอดจะต้องทำการขยายช่องคลอดตามเวลาที่แพทย์กำหนดโดยเริ่มจากน้อยไปมาก การขยายช่องคลอดในกรณีทำ skingraft technic นั้น ต้องทำขยายอย่างน้อย 2 ปี โดยในช่วง 2-6 เดือนแรกนั้นมีโอกาสที่กราฟจะหดตัวสูงมาก เนื่องจากบางคนได้ graft น้อย ถ้าจะต้องทำการยืดขยายเพื่อให้ได้ยาวขึ้นโอกาส graft จะหดรั้งสั้นลง (graft contract) ก็สูงเช่นกันแต่ในคนที่มีผิวหนัง penis ยาว หรือผิวหนังอัณฑะที่ใหญ่ graft ก็จะหดหลังน้อยลงเยอะดังนั้นการหดตัวของกราฟหรือช่องคลอดเทียมขึ้นกับสภาพผิวเดิมเป็นสำคัญว่ามีมากน้อยเพียงใดแต่อย่างไรก็ตามต้องถือว่าวิธีนี้โอกาสที่จะช่องคลอดตีบตันในระยะยาวมีสูงกว่าวิธีอื่นๆต้องการการขยายช่องคลอดที่ยาวนานและผลลัพธ์ไม่แน่นอน
⁃ ส่วนวิธีที่ใช้ลำไส้ใหญ่นั้นตัวลำไส้ใหญ่นั้นจะไม่หดสั้นลง การขยายช่องคลอด (Dilation) จะทำง่ายกว่าผิวหนังมาก แต่ยังต้องการการขยายช่องคลอดอยู่ดี เพราะว่าโพรงที่ใส่ลำไส้เข้าไปนั้น neovaginal canal จะหดแคบลง โดยเฉพาะช่วง 3-6 เดือนแรก จึงต้องขยายช่องแม้จะใช้ลำไส้ใหญ่เพราะเจตนาเพื่อขยายโพรงที่ทำขึ้น ซึ่งจะจากกล้ามเนื้อ puborerectalis ที่ใช้ขมิบก้น ทั้งนี้ถ้าขยายช่องได้ดีแล้ว ในช่วงแรกโอกาสที่ช่องคลอดจะตันมีน้อยมากไม่เหมือนการใช้ผิวหนัง (Skingraft)
⁃ วิธีสุดท้ายคือการใช้ PPV เนื่องจากวิธีนี้จะต้องใช้ผิวหนังของเดิมเป็นส่วนต้นของช่องคลอดและใช้ PPV เป็นส่วนบนของช่องคลอด จึงต้องขยายช่องคลอดแบบเดียวกับผิวหนัง โอกาสตีบตันระยะยาวมีมากกว่าการใช้ลำไส้ใหญ่ (Colonovaginoplasty) แต่ผลระยะยาวยังต้องมีการศึกษาอีกมาก ยังบอกไม่ได้ชัดเจนว่าจะมีการหดรั้งของช่องคลอดมากน้อยเพียงใด ผลลัพธ์นั้นขึ้นกับความชำนาญของสัญญาแพทย์เป็นสำคัญ
1. คือการติดเชื้อของแผลหลังผ่าตัด
2. มีเนื้อตายของผิวหนังบางส่วนของแคมนอก แคมใน (Necrosis) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ มากน้อยแล้วแต่บุคคล ต้องทำแผลประมาณ 2 เดือน กว่าแผลจะสมาน อาจต้องตกแต่งเย็บแผลเล็กน้อยในบางราย
3. มีการทะลุของช่องคลอดเทียมกับลำไส้ใหญ่หรือกระเพาะปัสสาวะ rectovaginal fistula Vesicovaginal fistula มักพบได้น้อย
4. มีเลือดข้างหลังผ่าตัดมีอาการบวมซึ่งมักจะบวมยุบลงใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน หลังการผ่าตัดแปลงเพศรูปร่างภายนอกของแคมนอกแคมในจะมากน้อยแต่ละบุคคล ขึ้นกับสภาพความมากน้อยของผิวหนังดั้งเดิมมีผิวหนังน้อยในส่วนใดส่วนหนึ่งส่วน ทั้ง penis หรือ scrotum ล้วนจะมีผลกับรูปร่างและผลแทรกซ้อนทั้งสิ้น โดยมีคนไข้ส่วนนึงที่จะต้องอาจจะต้องรับการผ่าตัดตกแต่งแก้ไขผิวหนังภายหลังจากการตกแต่งเนื้อตายในช่วงแรกและควรจะตกแต่งแก้ไขหลัง 6 เดือน -1 ปี สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกครั้งให้ได้รูปทรงที่ดีขึ้น
5. ในบางรายที่การผ่าตัดทำได้ยากหรือผ่าตัดนานไปทำให้มีการกดของเส้นประสาทบริเวณขาเข่า peroneal nerve palsy ทำให้ปลายตกหรือเดินลำบากซึ่งมักจะเป็นชั่วคราวและพบได้น้อย
6. มีการหดรั้งของช่องคลอดเทียมระยะยาว ซึ่งเกิดในเคสที่ใช้ผิวหนังมากกว่าใช้ลำไส้ ทั้งนี้ขึ้นกับการขยายช่องคลอดหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 ปี เป็นสำคัญที่สุด หากทำได้น้อยจะหดรั้งได้ง่ายและไว ต้องแก้ไขภายหลัง และในรายที่ใช้ลำไส้การแก้ไขภายหลังจะทำได้ยาก