การเสริมจมูก
การเสริมจมูก
การเสริมจมูกสามารถทำได้หลายวิธี เนื่องจากจมูกเป็นบริเวณที่โดดเด่นของใบหน้าส่วนกลาง เป็นจุดสนใจของใบหน้า รูปร่างของจมูกที่สวยงามจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม

คนทางเอเชียจมูกค่อนข้างต่ำหรือกระดูกไม่เรียบหรือจมูกว้าง ลักษณะโครงสร้างจมูกไม่สวยเท่ากับคนยุโรป ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นซึ่งมี 2 วิธี ได้แก่ การฉีดวัสดุเข้าไปและการผ่าตัดเสริมวัสดุ

 

(1) การฉีดวัสดุ เป็นวิธีการฉีดเข้าไปจมูกที่ทำกันมานานแล้ว เป็นการใช้ซิลิโคนเหลวฉีดเข้าไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากการใช้ซิลิโคนเหลวฉีดเข้าไปนั้นจะทำปฏิกิริยามากมาย จะทำให้เกิดเป็นพังผืดและมีการไหลย้อยไปบริเวณอื่น ๆ ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือ ผิวไม่เรียบ แดง หรือเกิดการอักเสบเรื้อรังและทำให้ปวดบริเวณจมูกหรือไหลย้อยไปที่ปลายจมูกหรือริมฝีปากบนเป็นการแก้ไขที่ยากมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วการฉีดสิ่งดังกล่าวนี้มักจะถูกอ้างว่าเป็น Filler หรือไขมันเทียมหรือ เจลาตินหรือฮอร์โมนเทียม สิ่งเหล่านี้ไม่มีใช้จริง จึงไม่ควรไปฉีดสารดังกล่าว ส่วนการฉีดไขมันตัวเองจะดูดไขมันจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้องของมาฉีดบริเวณจมูก หรือผ่าตัดเอาบริเวณผิวหนังหน้าท้องรวมกับไขมันมาฉีดใส่จมูกสามารถทำได้เช่นกันแต่มักไม่เป็นที่นิยม ข้อเสีย คือ ดูดไขมันมาฉีดใส่จมูกจะทำให้ดูใหญ่ ไม่สวย ไม่เรียว พอผ่านไปซักระยะจะยุบลงเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือเอาผิวหนังหน้าท้องมารวมไขมันจะต้องมีแผลยาวประมาณ 5 ซม. ส่วนการฉีดด้วย Filler เพื่อเติมเต็มโดยทั่วไปจะมีสารที่สลายได้ และแบบไม่สลาย ซึ่งมีหลายชนิดมากปัจจุบันไม่นิยม แบบที่สลายได้แพทย์นิยมใช้ชนิด Hyaluronic เป็นกลุ่ม HA  มีความเข้มข้นมากหรือน้อยตามขนาดและเปอร์เซ็นต์ของยา เพื่อจะเอามาฉีดเติมเต็มหลายไม่ใช่เฉพาะแค่จมูกเพื่อให้ดูอิ่มขึ้น เช่น บริเวณหน้าผาก คาง จุดต่างๆ ของใบหน้า ซึ่งลักษณะจะคล้ายสารน้ำที่อยู่ระหว่างเซลล์ แต่ Filler เหล่านี้มีหลายเกรดความเข้มข้น โดยสามารถอยู่ได้ในผิวหนังระยะเวลาหนึ่งก็จะสลายไปตั้งแต่ 4 – 6 เดือน หรือ 8 – 12 เดือน หลังจากที่สะสมแล้ว บางคนก็จะทดแทนด้วยพังผืดที่ร่างกายพยายามมาหุ้ม Filler เหล่านั้น ทำให้ดูเสมือนว่ามี Filler นั้นยังอยู่ แต่ Filler ยังคงเหลือเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นการฉีด Filler ที่จมูกต้องมีเทคนิคที่ต้องระวังเช่นกัน อย่าให้เข้าเส้นเลือดและการฉีด Filler ก็ไม่สามารถทำโด่งได้มาก การสลาย Filler จะทำให้มีๆพังผืดและทำให้เป็นปัญหาระยะยาวขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น คนไข้บางท่านฉีดมานานแล้วที่หว่างคิ้วต้องการมาเอาออก การผ่าตัดทำได้ยากมาก เพราะ Filler จะไหลย้อยลงมาที่จมูกจะทำให้บริเวณจมูกไม่เรียบหรือดูไม่สวยงาม และจะทำให้การผ่าตัดเสริมจมูกต่อไปทำได้ยากขึ้น แพทย์จึงไม่แนะนำให้ฉีดควรหลีกเลี่ยง

(2) การเสริมจมูกด้วยวัสดุต่าง ๆ วัสดุที่เสริม คือ วัสดุซิลิโคน ซิลิโคนทางการแพทย์ก็จะมีหลายเกรด จะมีความปลอดภัยและได้มาตรฐานแบบแข็งจะมีหลายแบบเกรด (Dobro = 50>10) ความนิ่มของซิลิโคนขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์และปริมาณตัวเลข ถ้าค่าตัวเลขยิ่งมากซิลิโคนจะแข็งขึ้น แต่ถ้าค่าตัวเลขน้อยซิลิโคนก็จะนิ่มลง แพทย์จะเหลาซิลิโคนให้เข้ากับรูปร่างของกระดูกที่มีอยู่ จะทำให้โด่งขึ้นสูงขึ้น แต่ต้องอยู่กับความเหมาะสมถ้าโด่งมากไปซิลิโคนที่จะกดผิวหนังนานๆจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบางลงเรื่อย ๆ และถ้าไม่เหมาะสมกับความตึงของผิวหนังจะทำให้ซิลิโคนทะลุได้เช่นกัน จึงต้องดูความเหมาะสมจริง ๆ   ข้อเสีย คือ การอักเสบติดเชื้อความปลอดภัยของสถานที่และบุคลากรเครื่องมือต่าง ๆ ส่วนการเอียงเบี้ยว เนื่องจากการเหลาของแพทย์หรือการทำโพลงช่องต่าง ๆ ในการใส่อย่ากว้าง ส่วนการทะลุออกมาของซิลิโคน อย่าเหลาปลายแท่งของซิลิโคนแหลมเกินไป อย่าให้โด่งเกินไปกว่าผิวหนัง คนไข้จะได้รับความโด่งของจมูกย่อมไม่เท่ากัน เน้นความยืดหยุ่นของผิวหนังเป็นสิ่งสำคัญ คนไข้ที่มีกระดูกสูงอยู่แล้วปลายกระดูกยืดหยุ่นได้ดี ก็มักจะได้ยาวและโด่งกว่าคนไข้ที่มีผิวหนังแข็งยืดหยุ่นได้น้อยและจมูกสั้น ดังนั้นผลจากหลังการผ่าตัดย่อมได้รับไม่เท่ากัน

 

ปัจจุบันก็มีเรื่องของคำว่า  Open Rhino  เสริมจมูกกระดูกซี่โครง ปรับโครงสร้างกระดูกอะไรเหล่านี้ มันก็ต่างอะไรกับสมัยก่อนก็ขอบีบแบบกลาง ๆ การเสริมจมูกนั้นก็เหมือนการเสริมจมูกทั่ว ๆ ไป ก็คือว่า จะด้วยการฉีดก็ได้ การเสริมด้วยวัสดุก็ได้  ทีนี้เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ การเสริมด้วยวัสดุทางการแพทย์ก็คือ ซิลิโคนมิดิเคิลเกรด ซิลิโคนเองก็มีหลายเกรดเช่นกัน แม้แต่ มิดิเคิลเกรดทางการแพทย์ใช้ได้แล้วต้องมีความบริสุทธิยิ่งขึ้น หมายความว่า ลักษณะของซิลิโคนที่ทำค่อนข้างละเอียด เนียน นิ่ม แล้วแต่ความประณีตหรือแล้วแต่วัสดุที่ใช้ ซึ่งซิลิโคนที่เป็นเกรดดีดี ราคาก็ยิ่งแพง

 

ปัญหาเรื่องการเสริมซิลิโคนส่วนใหญ่ก็คือปลายจมูก เนื่องจากปลายผิวจมูกหนังจมูกตรงนั้นจะบางโอกาสที่ซิลิโคนจะทะลุออกมาได้ก็จะมีระยะยาว การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนมีข้อเสียอยู่จริง ๆ แล้วมีอยู่หลัก ๆ คือแค่ 2 อย่าง

1. คือการติดเชื้อ

2. ซิลิโคนจะทะลุจากผิวหนัง

การที่ซิลิโคนจะทะลุจากผิวหนังซึ่งซิลิโคนทะลุผิวหนังก็ขึ้นอยู่กับการทำ ขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อผิวหนังของร่างกายถ้าเราทำซิลิโคนที่พอดี ๆ ปัญหาเหล่านี้จะน้อยมาก โอกาสติดเชื้อก็จะน้อย โอกาสที่ซิลิโคนทะลุผิวหนังก็คือจะน้อยมากในระยะยาว แต่ซิลิโคนอาจจะเลื่อนลงมาก็ได้ เพียงแต่ปัญหานี้จะน้อย แต่ถ้าเราทำซิลิโคนปลายพุ่งมาก ๆ โดยที่ผิวหนังตึง ระยะยาวจะเกิดอาการผิวบางและก็ทะลุได้ง่ายซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นก็จะมีการโมดิฟาย ก็คือการปรับตรงนั้นสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากการเสริมวัสดุทั่ว ๆ ไป สิ่งที่จะเพิ่มเติมขึ้นมาจากการเสริมวัสดุ ก็คือการเสริมบริเวณปลายให้ผิวหนังหนาขึ้น ก็คือหนึ่งสิ่งที่ใช้ก็จะมีหลายอย่าง ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เอาไขมันตัวเอง เอาเนื้อเยื่อตัวเองมาเติมปลายเช่นว่าเป็นผิวหนังของตัวเอง ไขมันตัวเองที่มีผิวหนังนิดหน่อย เอาจากบริเวณนี้ เช่นท้องขา บริเวณหน้าท้อง บริเวณก้นกบ เพื่อจะซ่อนแผลโดยการเลาะเอาหนังชั้นนอกสุดออกไป ก็จะเหลือชั้นหนังแท้กับตัวไขมันเล็กบาง ๆ เพื่อจะมารอง แต่การรองด้วยผิวหนังเนื้อเยื่อตัวเองนั้น จริงๆได้ผลไม่มาก เพราะว่า ผิวหนังเหล่านี้มีลักษณะเหมือนเป็นกราฟ โอกาสที่ทำให้เลือดมาเลี้ยง จึงจะอยู่ได้ แต่ถ้าเลือดมาเลี้ยงไม่ดี ผิวหนังบริเวณที่เรามาใส่ใต้จมูกก็จะดูดซึมหายไปหมดเช่นกัน จึงต้องมีเทคนิคที่ดีจึงไม่สามารถที่จะใช้ป้องกันที่จะทะลุได้ดีเท่าไหร่ แต่มันจะเหมาะกับคนที่ผ่าตัดจมูกไปนาน ๆ ผิวหนังจะบาง สามารถเอามาหนุนนิดหน่อย เพื่อแก้ปัญหารอยบุ๋มได้ วัสดุที่ดีกว่าผิวหนังของตัวเองนั้นก็คือ กระดูกอ่อน กระดูกอ่อนนั้นก็จะนำมาได้ 3 ที่ ทำไมต้องใช้กระดูกอ่อนเพื่อเสริมบริเวณปลาย เนื่องจากบริเวณปลายจมูกนั้นจะบาง และผิวหนังทะลุง่ายที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องการความโด่งสูงสุด เนื่องจากด้านโครงจมูกสันไม่ต้องการความสูงมากเนื่องจากจะผิดธรรมชาติ ทรงที่สวย ปลายจมูกจะต้องโด่งสวย ปัญหาคือผิวหนังร่างกายผู้ป่วยมักจะไม่เพียงพอ ฉะนั้นปลายจมูกดีที่สุดก็คือต้องใช้เนื้อเยื่อตัวเองมารองรับ กระดูดอ่อนที่ใช้ในร่างการมีอยู่สามบริเวณนะครับ ก็คือ 1 กระดูกอ่อนหลังใบหูโอกาสที่จะได้มาทำปลายนี้จะน้อยมาก ๆ จึงมีกระดูกอ่อนอีกบริเวณหนึ่ง ที่จะเอามาใช้อยู่ ซึ่งเป็นกระดูกอ่อนที่เยอะมากที่สุดบริเวณที่สามก็คือ กระดูกอ่อนจากซี่โครงของตัวเอง ด้านใน เนื่องจากด้านนอกจะเป็นกระดูกแข็ง ด้านในจะเป็นกระดูกอ่อน แต่ถ้าอายุเยอะ ๆ ก็ไม่ได้เช่นกันนะครับ เพราะอายุเยอะ ๆ กระดูกจะมีแคลเซียมมาเกาะ จึงไม่สามารถเหลามาได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่อายุน่าจะไม่เกิน 40-50 ปีน่าจะพอทำได้ กระดูกบริเวณซี่โครงนี้ ข้อดีคือกระดูกจะได้ชิ้นใหญ่หนา แล้วก็จะได้ค่อนข้างเยอะ ข้อเสียของกระดูกซี่โครงก็คือ อาจทำให้ถูกดูดซึมไปได้ภายในเวลาหลาย ๆ ปี อาจทำให้เกิดการกร่อน การใช้กระดูกซี่โครงจึงเป็นคำตอบของผู้ที่มีจมูกแบนมาก ๆ ซึ่งการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูอาจมีไม่เพียงพอ และกระดูกผนังจมูกด้านในก็คงไม่เพียงพอ เนื่องจากคนเอเชียจะมีกระดูกผนังจมูกด้านในที่น้อยมาก ๆ อีกกรณีหนึ่งก็คือ ผู้ที่ผ่าตัดจมูกมาแล้วหลายครั้ง ปลายจมูกจะเสียรูปมาก บริเวณปลายจมูกจะมีเนื้อเยื่อพังผืดเกาะหนามาก ยิ่งไม่สามารถใช้ซิลิโคนดันออกมาเลย เนื่องจากผิวหนังที่ผ่าตัดหลายครั้งจะอ่อนแอ จะไม่มีความคงเหนี่ยว ไม่เหนียวพอที่จะยึดซิลิโคนได้ สิ่งแปลกปลอมพวกจะทะลุออกมาที่หลัง ดังนั้นการใช้กระดูกอ่อนจึงเป็นคำตอบทีนี้การทำจมูกอ่อนเพื่อมาใช้ปลายจมูกนั้น ก็คือต้องผ่าตัดโดยการดมยาสลบ ผ่าตัดบริเวณกระดูกซี่โครงใต้ราวนม เป็นแผล 2-3 เซน  อันตรายของวิธีนี้คือกระดูกทะลุเยื้อหุ้มปอดมีสูงมาก จึงต้องใช้แพทย์ที่ความระมัดระวังจริง ๆ เท่านั้น ดังนั้นการใช้กระดูกซี่โครงนั้นก็ไม่ง่าย ต้องใช้แพทย์ที่ชำนาญการทำจมูกแบบ Open คำว่ Open แปลว่าอะไร ปกติเราเสริมจมูกเราก็จะต้องเปิดบริเวณรูจมูก ด้านขวา หรือด้านซ้าย หรือบางคนเปิดสองข้างก็แล้วแต่ Open หมายความว่าต้องเปิดฐานจมูก บริเวณตรงกลางด้วย คือยกหนังออกไปเลย เพื่อให้เห็นกระดูกอ่อนด้านใน โดนทั่วไปฝรั่งจะใช้วิธีนี้เพราะไม่ได้เสริม แต่จะโมดิฟายกระดูกอ่อนด้านใน ปลายจมูกจะมีกระดูกอ่อนอยู่สองจุด อันที่หนึ่งคือ ออฟเปอร์แล็คโทรัลคาทิเรียล อันที่สองก็คือ มิเดียลแล็คโทรัล โรเวอร์คาทิเรียล ในฝรั่งกระดูกเหล่านี้จะชิ้นใหญ่ แล้วเค้าจะใช้วิธี Open ตกแต่งกระดูกให้เล็กลง เย็บปลายจมูกเพื่อให้มันแคบลง เลาะกระดูกอ่อนตรงปลาย แล้วตัดแต่งเย็บปลายจมูก แต่คนเอเชียปลายจมูกอ่อนจะน้อยมากๆเลย ส่วนใหญ่จะเป็นผิวหนังที่หนากว่า ดังนั้นการเย็บตัดแต่งกระดูก จะไม่ค่อยเห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะผิวหนังจะหนากว่าคลุมกระดูกที่ตัดแต่ง ต่างจากคนฝรั่งหรือยุโรป เค้าจะมีรูปกระดูกที่ชัดเจน ผิวหนังที่บาง พอเย็บผิวหนังมาปิดจะทำให้เห็นสันจมูกที่ชัดเจน เนื่องจากผิวหนังบางมาก เพราะฉะนั้นกรณีเหล่านี้จะทำให้เชื้อชาติของคนจะให้ผลไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผิวหนังที่หนากว่าเพราะฉะนั้นการตกแต่งปลายจมูกไม่ว่าจะเป็นการเย็บทั้งหลายเหล่านี้จะไม่มีการเกิดผลอะไรที่มองเห็น การที่เย็บกระดูกอ่อนข้างในแล้วเนื่องจากการเย็บกระดูกอ่อนแล้วกระดูกหนาจะมองไม่เห็นไม่เหมือนทางฝรั่ง ฝรั่งนี้จมูกจะใหญ่ปลายจมูก เห็นกระดูกอ่อนเป็นแนวชัด ผิวก็จะบางเย็บกระดูกอ่อนแล้ว ตกแต่งการทำ 0PEN RHINO ก็คือการเปิดจมูกข้างในให้มันเล็กลงและให้มันแคบแล้วเย็บผิวหนังมาปิดจะเห็นชัดว่าเล็กลงเนื่องจากผิวหนังบางมาก เพราะฉะนั้นกรณีเหล่านี้จะเห็นว่าเชื้อชาติคนจะให้ผลไม่เหมือนกัน ถ้าคนไทยเรานี้ถ้าทำในกรณีเหล่านั้นจะไม่ได้ผลไปทำตกแต่งข้างในโอกาสที่ให้เห็นจากข้างนอกมันแทบไม่ได้เห็นเลยแต่ก็มีแพทย์เยอะมากที่ใช้ในกรณีนี้ใช้คำพูดเหล่านี้ให้คนไข้สับสนว่าทำแล้วจะปลายเล็ก แต่จริง ๆ ทำแล้วไม่ได้ผล ยกเว้นว่าจะมีจมูกโครงสร้างแบบฝรั่งซึ่งผิวบางและกระดูกจมูกที่ใหญ่ถึงจะได้ผลของการทำ Open rhino ทำ Open แล้วเป็นยังไงในกรณีคนจมูกใหญ่วิธีที่ทำให้ปลายจมูกเล็กนั้น ถ้าเราไม่สามารถตกแต่งปลายจมูกให้เล็กลงได้ก็ใช้วิธีเสริมและเสริมให้ปลายเล็กแค่นั้นเองจริง ๆ

แต่ถ้าคนไทยต้องการเสริมด้วยวัสดุพร้อมกับการตกแต่งด้วยการเสริมจมูกให้เล็กลงพร้อม ๆ กัน ที่มีวัสดุแปลกปลอมเข้าไปโอกาสติดเชื้อตามมาก็มีสูง การที่มีติเชื้อสูงจะไม่เห็นผลในทันทีจะเห็นผลตามมาทีหลังในหลาย ๆ ปี จะเห็นว่ามันบวม ๆ หาย ๆ จึงไม่แนะนำเพาะฉะนั้นจะเห็นว่า ปัจจุบันโดยสรุปแล้วก็คือเข้าสู่ยุคที่นิยมทำปลายจมูกให้โด่งขึ้นก็จะมีวิธีทำดังนี้

1. วิธีการใช้กระดูกหลังหูเติม

2. การใช้กระดูก Sep tam ตัวเองมาทำปลาย

3. การใช้กระดูกซี่โครงตัวเองมาทำ

แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ การใช้กระดูกหลังหูก็ได้ผลค่อนข้างดีมากถ้าทำด้วยเทคนิคที่ดีแน่นอนถ้าทำด้วยเทคนิคที่ไม่ดีแล้ว กระดูกหลังหูที่เอามาใส่นี้ก็จะสลายหมดเหมือนกันจะไม่เหลือ เคยเจอ Case แบบนี้มาแล้วหลาย Case ที่ทำด้วยกระดูกแบบนี้มาแล้ว

1. หูผิดรูป

2. กระดูกที่เอามาก็ไม่เห็นทำให้ซิลิโคนทะลุได้เช่นกัน ทั้งนี้การทำก็ควรจะให้ปลอดเชื้อ อย่างเอากระดูกอ่อนหลังหูมาใส่มีโอกาสถ้าติดเชื้อก็หายไปหมดหรือกระดูกอ่อนนั้นก็จะบางเกินกระดูกอ่อนนั้นไม่ได้ทำในเทคนิคที่ดี กระดูกอ่อนไม่สามารถติดและไม่สามารถอยู่รอดได้ตรงปลายก็สามารถสลายไปได้เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ก็คือความเปลี่ยนแปลง  การทำกระดูกซี่โครงก็เหมือนที่กล่าวแล้วว่าควรทำในกรณีคนที่ต้องการทำปลายชัดเจนหรือว่าในกรณีที่จมูกเสียรูปมาก ๆ ผิวหนังเสื่อมเสียมากนั้น สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการทำเสริมจมูกแบบซี่โครงมาเป็นคำตอบ